เหรียญเสมา ๖ รอบ หลวงปู่จื่อ "สมบูรณ์ทรัพย์" เนื้อปลอกลูกปืนหมายเลข ๑๖๗ แยกจากชุดกรรมการเหรียญเสมาเนื้อเงิน


 เหรียญเสมา ๖ รอบ หลวงปู่จื่อ "สมบูรณ์ทรัพย์" <<เนื้อปลอกลูกปืน>>หมายเลข ๑๖๗ แยกจากชุดกรรมการเหรียญเสมาเนื้อเงิน

ราคา 900 บาท พร้อมเช่า
พระครูวิมลภาวนาคุณ
(หลวงพ่อจื่อ พันธมุตโต)
วัดเขาตาเงาะอุดมพร
ตำบลหนองบัวระเหว อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ

                "วัดเขาตาเงาะอุดมพร" ตั้งอยู่ ณ เลขที่ ๑๒ หมู่ ๔ บ้านหัวหนอง ต.หนองบัวระเหว อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ มีพื้นที่ ๒๐๐ ไร่ มีทัศนียภาพสวยงาม ภายในพระอุโบสถมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่สวยงาม มีภาพวาดพระเวสสันดรชาดกที่ประณีตสวยงาม เป็นพิพิธภัณฑ์ไม้สักทอง ปัจจุบันมีพระครูวิมลภาวนาคุณ หรือ หลวงพ่อจื่อ พันธมุตโต เป็นเจ้าอาวาส


                หลวงพ่อจื่อ เป็นพระสงฆ์สายวิปัสสนา ปัจจุบันมีอายุ ๗๒ ปี พรรษา ๓๘ เกิดวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๗ ปีมะแม หรือตรงกับวันที่ ๑๗ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๘๖ ที่ ต.บ้านกอก อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ อุปสมบท วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๑๘ ที่วัดศรีแก้งคร้อ ต.ช่องสามหมอ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ พระอุปัชฌาย์ คือ พระโพธิญาณมุนี ท่านกำเนิดมาในตระกูลคนยากจน บิดาเป็นคนเชื้อสายจีน ชื่อนายฮอ แซ่จึง มารดาเป็นคนไทยชื่อนางพี เฉลียวดี ท่านได้รับการศึกษาเพียงชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ก็ต้องออกมาช่วยที่บ้านทำงาน เมื่อโตขึ้นมาก็อาศัยว่ามีฝีมือในทางเย็บผ้า จึงรับจ้างเย็บผ้าหาเลี้ยงชีพ ท่านเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ก็ได้ทำงานในร้านก่อเกียรติ ซึ่งเป็นร้านตัดผ้าชั้นนำในเมืองหลวงยุคสมัยโน้น

                "หลวงพ่อจื่อ" เป็นศิษย์หลวงพ่อผาง จิตฺตคุตฺโต พระอริยสงฆ์แห่งภาคอีสาน วัดอุดมคงคาคีรีเขต (วัดดูน) อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น หลวงพ่อเป็นพระวิปัสสนา ธุดงค์บำเพ็ญเพียรไปยังสถานที่ต่างๆ ที่มีความสงบร่มรื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติ ทำให้ทราบภูมิประเทศ แหล่งประกอบอาชีพและปัญหาการประกอบอาชีพของประชาชนอย่างมากมาย โดยเฉพาะภูมิประเทศอันเป็นแหล่งต้นกำเนิดแหล่งน้ำสำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือคือ "แม่น้ำชี" ซึ่งมีต้นกำเนิดอยู่ที่เทือกเขาสูงจากอำเภอหนองบัวแดง ไหลผ่านอำเภอบ้านเขว้า หนองบัวระเหว อำเภอจัตุรัส และอำเภอเมือง จ.ชัยภูมิ

                เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๓ ขณะที่ท่านนั่งปฏิบัติธรรมอยู่ ณ วัดเขาตาเงาะอุดมพร ประชาชนชาวหนองบัวระเหว ได้รับความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ท่านจึงคิดพัฒนาแหล่งน้ำ "ลำเชียงทา" เป็นแหล่งน้ำที่ไหลผ่านลงสู่แม่น้ำชี ว่าน่าจะมีแหล่งการเก็บกักน้ำไว้ใช้เพื่อประโยชน์ของชาวชุมชนหนองบัวระเหวและชุมชนใกล้เคียง โดยได้นำพระภิกษุ ลูกศิษย์ และชาวบ้านร่วมกันก่อสร้างเขื่อนดินด้วยงบประมาณอันน้อยนิดของผู้มีจิตศรัทธาบริจาคและงบประมาณของทางราชการที่สนับสนุน ทำให้ประชาชนในอำเภอบ้านเขว้า อำเภอหนองบัวระเหว และอำเภอเมืองชัยภูมิ ทั้ง ๓ อำเภอ ได้มีแหล่งน้ำใช้ทางการเกษตรกรรม หลวงพ่อเป็นผู้เปี่ยมไปด้วยบารมี ท่านเป็นพระนักปฏิบัติ นักพัฒนา ได้สร้างประโยชน์ให้ส่วนรวมมากมาย ทั้งถนนหนทาง ทำฝายเป็นแหล่งกักเก็บ

                หลวงพ่อจื่อเป็นที่เคารพของสาธุชนทั่วไป โดยเฉพาะชาวอำเภอหนองบัวระเหว ท่านเป็นผู้เปี่ยมไปด้วยบารมี ท่านเป็นพระนักปฏิบัติ นักพัฒนา ได้สร้างประโยชน์ให้ส่วนรวมมากมาย ทั้งถนน ฝายกักเก็บน้ำ มีอิทธิฤทธิ์ปรากฏ เมื่อท่านสร้างฝายเก็บน้ำ ๒ แห่ง ปรากฏว่า ฤดูฝนฝายร้าว ถึงขนาดนายอำเภอ (คงไม่สามารถเอ่ยนามท่านได้) ต้องซ้อมแผนอพยพประชาชนที่อยู่ใต้ฝาย ท่านเลยไปดูและเหยียบเหนือรอยร้าว ๓ ครั้ง ฝายทั้ง ๒ แห่งยังอยู่จนปัจจุบันนี้



โอวาท"ธรรม"


                ด้วยคำสอนพร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ และรอยยิ้มของหลวงพ่อจื่อที่เปี่ยมด้วยความเมตตา ทำให้ผู้ที่มาทำบุญมีความสุข ถึงแม้ว่าจะเดินทางไกลขนาดไหน ธรรมะง่ายๆ คำสอนที่ก่อนกราบลาที่หลวงพ่อฝากเราทุกคนก็คือ. "อยู่คนเดียวระวังความคิด อยู่กับมิตรระวังจิตตัวเอง..อะไรที่เป็นโทษอย่าไปทำ."

                ขณะเดียวหลวงพ่อจื่อยังสอนด้วยว่า "สถานการณ์ความแตกแยกในบ้านในเมืองเรามีมาก ประชาชนจำเป็นต้องฟังธรรมจะได้อภัยให้กันและกัน ใจดี ใจเบิกบาน ไม่เบียดเบียน ก็ไม่เดือดร้อน ทำบุญ รักษาใจ ใจมีธรรมะ ก็จะให้อภัย คิดถูก คิดชอบ เหมือนกันก็เป็นพี่น้องกัน เจ้าความคิดเป็นผีร้ายสุด จิตบริสุทธิ์ไม่มีผี"

                หลวงพ่อจื่อท่านได้กล่าวถึงชีวิตของท่านก่อนเข้าสู่สมณเพศให้ได้รับทราบ ดังนี้ เป็นคน อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ พ่อแม่ยากจน สมัยก่อนทำแต่งานเย็บผ้า ตัดเสื้อผ้าไปอยู่หลายแห่ง กรุงเทพฯ ก็ไป แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะงานเย็บผ้ามันเป็นงานที่ต้องทำตลอด เย็บให้คนหนึ่งเหลือคนหนึ่ง เป็นงานที่ไม่สำเร็จ ลำบากไม่ได้หยุด หกทุ่มตีหนึ่งก็ไม่ได้หยุด บางทีงานเร่งก็ต้องทำตลอด

                แต่มาทำงานเป็นช่างเย็บผ้านี้ก็ดี ได้แต่งตัวให้คนสวย ทำงานเย็บผ้าเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียอยู่ ๒๒ ปี เกิดความเบื่อหน่าย เพราะชีวิตครอบครัวมีปากมีเสียงกันเป็นธรรมดา จนกระทั่งแตกความสามัคคีกันแล้วก็เลิกกัน ถ้าไม่เป็นอย่างนี้ก็ไม่เห็นทุกข์ เลิกกัน ๓ ครั้ง แต่พอเลิกกันแล้ว เราหนีไปอยู่ไหนก็ไปตามกลับมา ตอนเลิกก็ไม่ได้คิด เพราะโกรธกันอยู่ ทะเลาะกันก็ธรรมดา หนีไปก็ไปตาม ครั้งสุดท้ายก็กลับมาอีก กลับมาเพราะสงสารลูก

                หลังจากกราบหลวงปู่ผางครั้งนั้นแล้ว ก็ไปรับจ้างเย็บผ้าที่จังหวัด วันนั้นเป็นวันดีที่สุดเลย ทุกข์มามากแล้วแต่ก็ทนอยู่ ทนเพราะลูก ครั้งที่สามนี้ตัดสินใจช่วยเลี้ยงลูกให้โตสักพักหนึ่งก่อน ก็ตั้งใจไว้ว่าอย่างนั้น เพราะวันนั้นนั่งสมาธิแล้วจิตสงบ สมัยนั้นสงครามอินโดจีน เขารบกัน ฝั่งนั้นเป็นวัด ฝั่งนี้เขาทำบาร์เต้นรำ เราก็มีบ้านพักที่เช่าอยู่ตรงนั้น พอดีวันนั้นเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาพอดี  “แปลกจริง…พระจันทร์วันเพ็ญเขาเวียนเทียนกัน แต่เราไม่ได้ไป” (คิดในใจ) ช่วงนั้นกำลังทุกข์ใจมากๆ คิดผิดหลายอย่าง ถึงขนาดคิดจะฆ่าคนตายด้วย คิดไม่ดี ถ้าไม่ทุกข์ก็ไม่เห็นธรรม เลยคิดว่าวันนี้จะขอปฏิบัตินั่งสมาธิ คือไปเห็นหนังสือฉบับหนึ่งดีมากๆ ในหนังสือนั้นบอกว่า

                “ผู้ใดรักษาศีล ๕ นั้น ได้อย่างเคร่งครัด บุคคลนั้นเท่ากับมีคลังทองคำอยู่กับชีวิต แม้ท่านจะเกิดชาติใด ภพใดก็ไม่อับจน แล้วท่านอย่าเพิ่งสงสัย ให้ปฏิบัติดูจะรู้เอง”



วัตถุ"ธรรม"


                ทุกๆ ปีจะมีพิธีทำบุญมุทิตาจิต แสดงธรรมเทศนา มีโรงทานเกือบ ๓๐๐ ราย มาจัดร้านเลี้ยงอาหารและแจกจ่ายสิ่งของรวมทั้งเครื่องดื่มฟรี มีเหล่าศิษยานุศิษย์ทั่วสารทิศเข้ามาร่วมทำบุญอย่างหนาแน่นในพิธีทำบุญมุทิตาจิต โดยปีนี้กำหนดการทำบุญเจริญอายุวัฒนมงคลครบรอบ ๗๒ ปี ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๗

                การทำบุญเจริญอายุวัฒนมงคลแต่ละปีศิษยานุศิษย์จะสร้างวัตถุเป็นที่ระลึก ทั้งนี้ หลวงพ่อจื่อ บอกว่า “บ่ต้องเอาคงกระพันชาตรีเนาะ มันเจ็บ ไปอยู่ไส๋คนเขากะอยากลอง เอาเมตตาดีกว่าเนาะ เมตตาทั่วทั้งสามแดนโลกธาตุ ไปอยู่ไส๋คนกะฮัก ไปอยู่บนภูเขากะมีคนเอาข้าวไปให้กิน”